วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

การเลี้ยงสุกร

ความเป็นมาเมื่อวันที่ 22 - 23 มีนาคม 2548 คณะครูศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอสูงเม่นได้เข้าร่วมอบรมโครงการถ่ายเทคโนโลยี การผลิตหมูหลุม เพื่อสร้างรายได้ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รุ่นที่ 7 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ – แพร่ เฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่การเลี้ยงสุกรแบบเกษตรธรรมชาติของเกาหลี (หมูหลุม) นอกจากจะให้กำไรงามแก่ผู้เลี้ยงแล้ว ยังสามารถลดต้นทุนอาหารได้ ถึง 70 % ทำให้ภาระการเลี้ยงหมูของเกษตรกรเบาแรงลง เนื่องจากเกษตรกร ไม่ต้องกวาดพื้นคอก กำจัดขี้หมู ไม่มีกลิ่นเหม็นของขี้หมูรบกวน พื้นคอก ไม่เฉอะแฉะ และไม่มีแมลงวันตอมแนวคิดที่เลี้ยงสุกรแบบเกษตรธรรมชาติ (หมูหลุม)1. ต้องการศึกษา เรียนรู้ วิธีการ เลี้ยงสุกรแบบธรรมชาติ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเรียนรู้การแก้ไขปัญหาที่เผชิญได้ด้วยตัวเอง2. เป็นแนวทางการส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชน ตามภารกิจงานการศึกษานอกโรงเรียน3. เป็นอาชีพเสริมให้กับครอบครัว มีส่วนร่วมในกระบวนการคิด บริการจัดการสร้างความสัมพันธ์กับครอบครัวอยากให้ชาวบ้าน และแนวทางการเลี้ยงในการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นโรงเรือน สุกร 10 ตัว จะใช้พื้นที่ในการเลี้ยงขนาดความกว้าง 3 เมตร x ความยาว 6 เมตร หลังคายกสูงให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกลักษณะของโรงเรือน1. ตั้งอยู่บนที่สูง ที่ดอน 2. สร้างโรงเรือนตามแนวทิศทางของตะวันออก – ตะวันตก3. วัสดุมุงหลังคาควรเป็นกระเบื้อง หรือ คา4. หลังคาสูง – เอน เช่น- เพิงหมาแหงน- เพิงหมาเหงนกลาย- แบบจั่ว- จั่ว 2 ชั้น- จั่ว 2 ชั้นกลายพื้นคอกการเตรียมคอกขุดดินออกไปทั้งหมด ให้ลึกประมาณ 90 เซนติเมตร ปรับขอบรอบๆ แล้วผสมวัสดุเหล่านี้ ใส่แทนดินที่ขุดออกไป วัสดุที่ใช้ได้แก่- ขี้เลื่อย หรือ แกลบหยาบ 100 ส่วน- ดินที่ขุดออก 10 ส่วน- เกลือ 0.3 - 0.5 ส่วนนำวัสดุเหล่านี้ คลุกเคล้าผสมกัน ลงไป 30 เซนติเมตร ใช้จุลินทรีย์ที่ได้จากการหมักพืช จุลินทรีย์เชื้อราขาวจากป่าไผ่ อัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร ราดลงบนวัสดุรองพื้น โรยดินชีวภาพเชื้อราขาวบางๆ ชั้นที่ 2 และ 3 ทำเหมือนชั้นแรก ชั้นสุดท้ายโรยแกลบดิบ ปิดหน้า หนึ่งฝามือการเตรียมหลุม และพื้นคอกหมูหลุมอาหารและการให้อาหาร- ถังน้ำ และรางอาหาร ควรตั้งไว้คนละด้าน เพื่อหมูจะเดินไปมาเป็นการออกกำลังกาย การเริ่มต้นเลี้ยงสุกร เมื่อหย่านม จะเป็นการดีที่ฝึกวิธีการเลี้ยงแบบธรรมชาติ การให้อาหารให้เพียงวันละ 1 ครั้ง (ปรับตามความเหมาะสม)อาหารที่ให้ใช้พืชผักสีเขียว เป็นอาหารเสริม อาหารหมัก ใช้ผักสีเขียว หยวกกล้วย มะละกอดิบ ใบบอน วัชพืชต่างๆ ที่หมูชอบ สับผักเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกน้ำตาลทรายแดง โดยหมักในอัตราส่วน 100 : 4 : 1 คือ ใช้พืช 100กิโลกรม : น้ำตาล 4 กิโลกรม : เกลือ 1 กิโลกรัม นำไปเลี้ยงสุกรโดยผสมปลายข้าว รำอ่อน ก็จะช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยงขั้นตอนการเตรียม อาหาร และน้ำดื่ม สำหรับสุกร 1. น้ำดื่มสำหรับหมูหลุมสำหรับ น้ำ 1 ถัง ( 20 ลิตร) ส่วนผสมน้ำดื่มให้สุกร1. หัวเชื้อจุลินทรีย์ผัก หรือผลไม้ 2 ช้อนโต๊ะ2. น้ำฮอร์โมน สมุนไพร 2 ช้อนโต๊ะ (เหล้าดองยา)3. นมเปรี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ4. น้ำหมักแคลเซียม 2 ช้อนโต๊ะ5. น้ำสะอาด 20 ลิตรผสมให้ดื่มเป็นประจำทุกวัน หากพื้นคอกสุกรแน่น หรือแข็ง ก็ใช้น้ำดังกล่าวราดบนพื้นคอก จะทำให้เกิดกลิ่นหอม จูงใจให้สุกรขุดคุ้ยเป็นการกลับหน้าดิน ช่วยให้พื้นคอกร่วนโปร่ง มีอากาศถ่ายเท เกิดจุลินทรีย์มากมาย2. การทำอาหารหมักวัสดุอุปกรณ์1. ผักใบเขียวต่างๆ หยวกกล้วย ใบบอน พืชใบเขียว2. ถุงพลาสติก3. น้ำตาลทรายแดง4. เกลือป่น หรือเกลือเม็ด5. กระดาษสีขาว6. เชือกฟางวิธีนำอาหารหมักไปใช้ ใช้อาหารหมัก 7 ส่วน ต่อ อาหารเม็ด 1 ส่วน ต่อรำ 2 ส่วน หรือ 7 : 1 : 2 ถ้าคิดเป็น 100 % (อาหารหมัก 70 % : อาหารเม็ด 15 % : รำ 15 % ) สามารถปรับได้ตามความต้องการของผู้เลี้ยง การทำอาหารหมักจากพืช
อาหารหมักจากพืชที่ผสมเรียบร้อยแล้ว3. การทำน้ำหมักผลไม้วัสดุอุปกรณ์1. ผลไม้สุก / ดิบ2. น้ำตาลทรายแดง3. ขวดโหล / ถัง / โอ่ง (สำหรับหมัก)4. เชือกฟาง5. กระดาษขาวน้ำหมักผลไม้ และยาดองสำหรับเลี้ยงสุกรวิธีทำ1. เตรียมผลไม้ ควรเป็นผลไม้ที่สุกจัด หรือร่วงตกใต้ต้น เช่น มะม่วง องุ่น มะละกอ สับปะรด มะเฟือง กล้วย ฯลฯ ถ้ามีผลไม้ไม่พอก็สามารถเติมพืช อื่นเป็นส่วนประกอบได้ เช่น รากผักขม มันแกว มันเทศ แครอท มันสำปะหลัง พืชตระกูลแตง หัวผักกาด เป็นต้น หากผักหรือผลไม้ที่ใช้หมัก มีมากพอก็สามารถทำเป็น ชนิดเดียวกัน 2. ใช้ผลไม้หมัก 1 กิโลกรัม ต่อน้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม (ในฤดูร้อน) ส่วนในฤดูหนาวเพิ่มน้ำตาล ทรายแดง ½ กิโลกรัม (น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกผสมในผลไม้ และส่วนที่ 2 ใช้โรยหน้า)3. ล้างภาชนะที่จะใช้หมัก และตากแดงให้แห้ง4. ชั้นที่อยู่ก้นภาชนะให้วางเรียงวัตถุดิบเป็นชั้นๆ โรยน้ำตาลทรายแดงปิดทับเป็นชั้นๆ โรยน้ำตาลทราบแดงทับจนหมด (ให้เหลือที่ว่างห่างจากปากภาชนะ 1/3 ของความสูงของภาชนะ) จากนั้น ใช้น้ำตาลส่วนที่เหลือปิดทับด้านหน้าให้หนา เพื่อป้องกันอากาศ ควรใส่ผลไม้ที่มีความความหวานไว้ด้านล่าง โดยเรียงลำดับตามความหวาน ผลไม้ที่ให้ความหวานน้อยที่สุดให้ใส่ชั้นบนสุด ผลไม้ที่เป็นชิ้นเล็กๆ เช่นองุ่น ให้ใช้มือที่สะอาดบีบให้แตกขณะนำไปหมักในโอ่ง หรือภาชนะหมัก6. คลุมปากภาชนะด้วยกระดาษขาว และมัดปากภาชนะด้วยเชือก7. ในฤดูร้อน กระบวนการหมักใช้เวลา 4 – 5 วัน ส่วนในฤดูฝนกระบวนการหมักใช้เวลา 7 – 10 วัน ส่วนในฤดูหนาว จะใช้เวลาในการหมัก 10-15 วัน8. เก็บภาชนะหมักไว้ในที่ร่ม และมีอากาศเย็น ไม่ให้ถูกแสงแดด ไม่ควรปิดภาชนะในระหว่างกระบวนการหมัก กำลังดำเนินการอยู่วิธีการนำไปใช้- ใช้น้ำหมักในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร- ใช้พ่นกับพืชเมื่อเข้าสู่ระยะเปลี่ยนวัย ( เข้าสู่การออกดอกออกผล)- รดพื้นคอก ผสมให้หมูกิน รดผัก4. การทำน้ำแคลเซียมวัสดุอุปกรณ์1. กระดูก เปลือกไข่ 2. น้ำซาวข้าว , น้ำมะพร้าว3. ถังพลาสติก4. เครื่องผลิตออกซิเจนใส่ตู้ปลา5. น้ำตาลทรายวิธีทำ1. รวบรวมเปลือกไข่ นำไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาบดให้ละเอียด2. เปลือกไข่ 1 กิโลกรัม ต่อน้ำซาวข้าว 20 ลิตร 3. นำเปลือกไข่ที่บดละเอียดใส่ภาชนะ เติมน้ำซาวข้าว และน้ำ ทิ้งช่องอากาศอยู่ประมาณ 30 % เปิดฟองอากาศทิ้งไว้ ประมาณ 20 วัน จะเกิดฟองปฏิกิริยาขึ้นอย่างต่อเนื่อง4. เมื่อใส่ออกซิเจนครบ 20 วันแล้ว ให้เติมน้ำตาล 1 กิโลกรัม ลงไป วิธีนำไปใช้- ใช้น้ำหมักแคลเซียมในอัตรา 2 ช้อน ต่อน้ำ 10 ลิตร- ฉีดพ่น พืช ผัก- ใช้ผสมในน้ำให้หมูกิน- ใช้ผสมกับน้ำทะเล ในการรดผลไม้ในระยะออกผล เพิ่มความหวานให้กับผลไม้5. การทำนมเปรี้ยว (โยเกิร์ต)วัสดุอุปกรณ์1. น้ำซาวข้าว2. รำละเอียด3. ถัง4. ขวดโหล5. นมสดพลาสเจอร์ไรด์ (นมจืด)6. สายยาง7. กระดาวข้าว8. เชือกฟางวิธีทำ1. นำน้ำซาวข้าวใส่ภาชนะที่มีความสูง 15 เซนติเมตร โดยให้เหลือพื้นที่ในภาชนะ 1/3 ส่วน สำหรับอากาศ นำกระดาษขาวปิด ผูกเชือก ใช้เวลาในการหมัก 5 - 7 วัน เก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิประมาณ 20 – 25 องศาเซลเซียส แบคทีเรียจะเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว และมีกลิ่นเปรี้ยวออกมา2. นำรำละเอียดโรยปิดหน้าน้ำซาวข้าวหมักทิ้งไว้ 2 วัน หลังจากนั้นใช้สายยางทำการลักน้ำออกมาใส่ภาชนะที่เตรียมไว้โดยไม่ให้มีตะกอนติดออกมาพร้อมกับน้ำที่ลักออกมา โดยใช้น้ำที่ได้ 1 ส่วน ต่อนมสดพาสเจอไรด์ ลงไป 10 ส่วน เติมน้ำตาลทรายแดงลงไป ½ กิโลกรัม ของวัตถุดิบทั้งหมด ใช้กระดาษปิด ผูกเชือกทิ้งไว้ 5 - 7 วันจึงนำไปใช้วิธีการนำไปใช้ - ใช้นมเปรี้ยวในอัตรา 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร- ผสมให้หมูกิน- รดพื้นคอก6. การทำหมากฝรั่ง หมูวัสดุอุปกรณ์1. ไม้เนื้ออ่อน (ไม้กระถิน ฉำฉา ไมยาราบ)2. ถังพลาสติก3. กระสอบฟาง4. เชือกฟาง5. หัวเชื้อฮอร์โมนสมุนไพร6. น้ำตาลทรายแดงวิธีทำ1. เตรียมไม้เนื้ออ่อน มาตัดเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 1 คืบ2. เตรียมน้ำ 10 ลิตร ต่อ เหล้าสมุนไพร 2 –3 ช้อนโต๊ะ ต่อ น้ำตาลทรายแดง ครึ่งกิโลกรัม ผสมให้เข้ากันแล้วนำไม้เนื้ออ่อนที่เตรียมไว้ลงมาแช่ ใช้กระสอบฟางปิดปากภาชนะไว้ แล้วใช้วัสดุที่หนักทับเพื่อให้ไม้จมน้ำตลอดเวลา3. กระบวนการหมักใช้เวลา 10 - 15 วัน จึงใช้งานได้วิธีการนำไปใช้- โยนให้หมูกิน (นำท่อนไม้กลับมาใช้ใหม่ได้ 2 - 3 ครั้ง)หมายเหตุ ยาดองเป็นชุด ตัวยารวมกัน 3 ตัวขึ้นจะดี7. การทำเชื้อราขาวจากใบไผ่วัสดุอุปกรณ์1. กล่องไม้สี่เหลี่ยม สูง 10 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 30 เซนติเมตร2. ข้าวสุก 1 ลิตร3. พลาสติก4. ทัพพีตักข้าว5. กระดาวขาว6. เชือกฟาง7. ตะแกรง8. น้ำตาลทรายแดง9. ขวดโหล การเตรียมข้าวสวยเพื่อต่อเชื้อราขาว เชื้อราขาวที่ได้การต่อจากใบไผ่วิธีทำ1. หุงขาวให้สุก ทำให้เย็น แล้วนำข้าวใส่ในกระบะ เกลี่ยให้ทั่วกระบะ2. นำกระดาษขาวมาคลุมกระบะ แล้วมัดด้วยเชือกฟางให้แน่น3. ขุดหลุม บริเวณใกล้ต้นไผ่ พอกับขนาดกระบะใส่ลงไปได้ นำพลาสติกคลุมลงไปตามด้วยตะแกรง วางทับข้างบน แล้วจึงนำใบไผ่ปกคลุม ให้ทั่วกระบะไม้ รดน้ำให้รอบๆ4. กระบวนการหมัก 4 – 5 วัน ในฤดูร้อน , ฤดูฝน 6 – 7 วัน จะได้จุลินทรีย์ราขาวคลุมเต็มผิวหน้า5. นำเชื้อราขาวที่ได้ มาผสมน้ำตาลทราบ แล้วปิดผาหมักไว้ 7 วัน การนำไปใช้ - อัตรา 2 ช้อน / น้ำ 10 ลิตร- รดพื้นคอก- รดปุ๋ยหมักประโยชน์จากการเลี้ยงสุกร แบบเกษตรธรรมชาติ (หมูหลุม)1. ได้รับความรู้2. มีรายได้เพิ่มขึ้น3. นำปุ๋ยไปใช้ในการเกษตร4. เผยแพร่ให้กับประชาชนสนใจ5. เป็นตัวอย่างในการเลี้ยงหมูในเขตเทศบาล6. เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนหลักในการเลือกภาชนะ และวัสดุในการหมัก1. ภาชนะบรรจุควรเป็นโอ่ง หรือ ไห ปากแคบ2. สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี3. ขนาดไม่ใหญ่เกินไปหมายเหตุ ควรเก็บไว้ในที่ร่ม ใช้น้ำตาลทราย ทำการหมัก จากผลไม้ที่ฉ่ำ ต้องใช้น้ำตาล 1 / 2 ของ น้ำหมักผลไม้รายรับ - รายจ่าย การเลี้ยงหมูหลุม (เริ่มเลี้ยงหมู ระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคม 2548 - 20 กันยายน 2548)
ต้นทุนการเลี้ยงหมูหลุม1. ลูกหมู 10 ตัว 11,500 บาท2. อาหารสำเร็จรูป 12 ถุง 3,700 บาท3. รำ 40 ถังๆละ 20 บาท 800 บาท4. น้ำตาลทรายแดง 60 กิโลๆ ละ 14 บาท 840 บาท5. เกลือ (3 ถุง 50 บาท) 6 ถุง 100 บาท6. เหล้าขาว 6 ถุงๆละ 20 บาท 120 บาท7. ยาดอง 2 ถุงๆละ 20 บาท 40 บาท8. ค่าวัสดุ + อุปกรณ์ 965 บาทต้นทุน รวมทั้งสิ้น 18,065 บาทรายรับ-จากการขายหมูหมู 10 ตัว ตัวละ 66 กิโลกรัม ๆละ 43 บาท 28,380 บาทหัก ต้นทุน 18,065 บาทกำไรจาการขายหมู 10,315 บาท บวก รายได้จากการขายปุ๋ย 50 กระสอบๆละ 20 บาท 1,000 บาท รวม กำไรทั้งสิ้น 11,315 บาท หมายเหตุ การเลี้ยงหมู ในครั้งนี้ ต้องเรียนรู้ วิธีการเลี้ยงหมู และอยากให้ชาวบ้านเห็นช่องทางอาชีพ โดยให้ชาวบ้านใกล้เคียงนำปุ๋ยไปใช้ ในการเกษตร ปลูกผัก และทำนา ปัญหา1. อาหารสำเร็จรูปแพง2. การทำจุลินทรีย์บางอย่างไม่ค่อยได้ผล3. อาหารหมักไม่เพียงพอ4. อาหารหมักมีกลิ่นบูดแนวทางแก้ไข1. ใช้ส่วนผสมจากทางการเกษตรมาใช้ในการผสมอาหาร2. ทดลองจนได้ผล และยึดหลักวิธีการที่ถูกต้องใช้ทำต่อไป3. ใช้ผักสดผสมในการให้อาหาร4. เติมน้ำตาล เพิ่มเพื่ออาหรหมักมีกลิ่นหอมและดีขอเสนอแนะ1. ควรจัดให้มีจุดรับซื้อ และจำหน่าย สุกรแบบธรรมชาติ (หมูหลุม) ที่แน่นอน2. ควรมีการตรวจสอบคุณภาพการเลี้ยงสุกรแบบธรรมชาติอย่างต่อเนื่องก่อนเริ่มการเลี้ยงหมู ควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เรื่องต่อไปนี้1. พันธุ์สุกร2. ตลาด (ราคาซื้อ - ขาย)3. วัตถุดิบทางการเกษตร4. ศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา5. ช่างสังเกต จดบันทึกสรุป 1. อย่าเน้นของถูก ห้ามซื้อ ตามขายเร่2. ค่อยๆเลี้ยง อย่าใจร้อน3. การบริหารจัดการดีข้อดีของการเลี้ยงหมูหลุม1. ขี้หมูไม่เหม็น2. ประหยัดค่าอาหาร 70 %3. ให้อาหาร 2 มื้อ หรือ 1 มื้อ ตามผู้เลี้ยง4. ให้ผักสด และพืชตลอดวัน5. เศษอาหารจากที่เหลือ โรงครัว เพื่อนบ้านอาหารสุกร (เพิ่มเติม)1. อาหารสุกรธรรมชาติที่ชาวบ้านเลี้ยงในอดีต ใช้วิธีหั่นหยวกกล้วย เก็บผักหญ้า เศษอาหาร2. จากการไปศึกษาเลี้ยงสุกรของเกษตรกรจีน เขาใช้เศษพืชผัก ยอดมันสำปะหลังสับ เป็นชิ้นเล็กๆ คลุกน้ำตาลทราย หรือกากน้ำตาล หมักในถุงดำขนาดใหญ่ อัตราหมัก 100 : 4 ทิ้งไว้ 4 – 5 วัน ก็นำไปเลี้ยงสุกร โดยผสมปลายข้าว รำอ่อน ก็จะช่วยลดต้นทุน โดยไม่ใช้อาหารสำเร็จเลย3. ผลการวิจัยของ ดร.สุริยา สานรักกิจ แห่งฝ่ายเทคโนโลยีชีวภาพ สำนักวิจัย พบว่า เศษผักมี ปลอดสายพิษ 100 กก. หมักน้ำตาลทราบ หรือกากน้ำตาล 4 กก. และผสมเกลือ 1 กก. หมักในถุงดำไล่อากาศออก มัดปากถุงทิ้งไว้ 7 วัน จะได้ผักที่มีคุณภาพดี4. อาจารย์ โช ฮาน คิว เจ้าตำราบอกว่า อาหารสุกรประมาณ 1 ใน 3 หรือ ประมาณ 30 % ควรเป็นพืชสีเขียว ดิน IMO สามารถนำมาคลุกกับรำ และปลายข้าวนำไปผสมอาหารจากตลาดได้ครึ่งต่อครึ่ง อาจหมักกับหยวกกล้วย ที่สับเป็นชิ้นเล็กๆได้5. การใช้สมุนไพรพื้นบ้าน ตากแห้งบดเป็นผงรวมกัน เช่น ฟ้าทะลายโจร ขมิ้น ไพล ฝรั่งขี้นก ลูกใต้ใบ ใช้ผักบด 1 กก. ผสมอาหารแห้งทุก 100 กก.
หัวใจของการเลี้ยงหมูหลุมขยันใจรักน้ำตาลทรายตรงต่อเวลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น